เครื่องบินทิ้งระเบิด “B-21 เรเดอร์” ของกองทัพสหรัฐฯ ขึ้นบินครั้งแรก
มีพยานเปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) เครื่องบินทิ้งระเบิด “B-21 เรเดอร์” (Raider) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถล่องหนและติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกลได้ ได้ขึ้นบินเป็นครั้งแรก
เครื่องบิน B-21 สร้างโดย นอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) บริษัทเทคโนโลยีการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา มันได้รับการพัฒนาภายใต้การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และแทบไม่มีข้อมูลหรือรายละเอียดของมันเปิดเผยออกมาเลย
ญี่ปุ่นพบเกาะใหม่ เพิ่งก่อตัวจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเล
เมียนมาหวั่นประเทศแตกสลาย หลังกลุ่มต่อต้านยึดหลายพื้นที่ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
พนง.เกาหลีใต้ดับ หุ่นยนต์จับร่างขึ้นสายพาน กดเข้าที่ใบหน้า-หน้าอก
พยานระบุว่า เครื่องบิน B-21 บินออกจากโรงงานของนอร์ธธรอปที่โรงงานหมายเลข 42 ของกองทัพอากาศในเมืองปาล์มเดล รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเวลา 6.51 น. ตามเวลาท้องถิ่น
กองทัพอากาศไม่ได้เผยแพร่รายละเอียดการบินครั้งแรกของเครื่องบิน B-21 แต่ผู้ที่ชื่นชอบเครื่องบินและช่างภาพสมัครเล่นประมาณ 30 คนมารวมตัวกันรอบ ๆ โรงงานหมายเลข 42
B-21 สามารถติดตั้งได้ทั้งอาวุธธรรมดาและอาวุธนิวเคลียร์ และมีความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงระยะไกลและกลางอากาศ
เครื่องบินลำนี้คาดว่าจะมีราคาประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อลำในปี 2010 หรือประมาณ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.7 หมื่นล้านบาท) ณ อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศได้เก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไว้เป็นความลับ ซึ่งทำให้การตรวจสอบราคาที่แน่ชัดเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
กองทัพอากาศวางแผนที่จะซื้อเครื่องบินอย่างน้อย 100 ลำ เพื่อมาทดแทนเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1 และ B-2 ที่มีอยู่เดิม
แอน สเตฟาเน็ก โฆษกกองทัพอากาศกล่าวว่า “เครื่องบิน B-21 เรเดอร์กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบการบิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จัดการโดยศูนย์ทดสอบกองทัพอากาศและหน่วยทดสอบ”
ขณะนี้มีการผลิตเครื่องบินB-21 เรเดอร์รุ่นทดสอบจำนวน 6 ลำ โดย B-21 ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2022 โดยก่อนหน้านี้ในปี 2019 นายพลกองทัพอากาศระดับสูงคนหนึ่งบอกเป็นนัยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดดังกล่าวสามารถขึ้นบินได้เร็วที่สุดในเดือนธันวาคม 2021 แต่ก็เลื่อนไปเป็นกลางปี 2022 และในช่วงต้นปี 2022 กองทัพอากาศก็ได้เลื่อนออกไปอีกจนมาถึงปี 2023
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก AFP PHOTO / U.S. AIR FORCE